วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

วันนี้มาลองศึกษาการถ่ายแบบ ทั้งในและนอก Studio กันบ้างครับ

          การถ่ายภาพใน Studio นั้น ไม่ได้ง่าย และก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่เพียงแค่ว่า งบประมาณในการทำห้อง Studio นั้นขึ้นมาซักห้อง ช่างยากเย็นเหลือเกิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินมากมายหลายหมื่นเลยครับ แค่ได้ยินก็คงอุทานกันขึ้นมาว่า แม่เจ้า!!! ใช่ครับ สำหรับคนเบี้ยน้อย หอยน้อยอย่างผมก็เป็นเช่นกัน เรามาลองทำความเข้าใจกันดีกว่ากับการถ่ายภาพใน Studio

การถ่ายภาพใน Studio นั้นมี 2  ลักษณะหลักๆคือ
1. ถ่าย Product หรือถ่ายสินค้านั่นเอง
2. ถ่ายแบบ หรือถ่ายนางแบบ นายแบบนั่นเอง

          แต่การจัดสภาพแวดล้อมห้อง Studio นี่สิ ยากมาก อันดับแรกเลย สีที่ทาในห้อง ถ้าเป็นไปได้ ควรเป็นสีดำหมดทั้งห้องเลย แต่ถ้าคิดว่า โอ้ยฉันไม่ไหวแน่ๆ ก็เพดานและกำแพงที่เป็น Back Ground เป็นสีดำก็พอครับ ต่อมาคืออุปกรณ์ต่างๆ


สำหรับผู้เริ่มต้น ก็ควรมีหลักๆ 3 อย่างครับ
1. ก็คือ Soft Box ขึ้นอยู่กับฐานะครับ ถ้ามีกะตัง ก็เอา 8 เหลี่ยมตัวโตๆไปเลยครับ แต่ถ้าพอมีพอกินหรือถูไถไปวันๆ ก็ 4 เหลี่ยมตัวพอดีๆ ก็พอแล้วครับผม ใช้ 2 ตัวครับ
2. คือร่มแสงทะลุครับ หรืออาจเรียกกันไปต่างๆนานา ก็ที่เป็นเป็นร่มและมีขาตั้งนั่นแหละครับ 1 ตัวครับ จะเล็กจะใหญ่ก็ตามใจครับ แต่ควรจะเป็นสีขาวนะครับ
3. ก็คือไฟส่องหลังครับ ซึ่งจำเป็นบางครั้ง แต่ถ้าไม่ซีเรียสก็ไม่ต้องก็ได้ครับ

         เพียงเท่านี้ก็สมเหตุสมผล พอที่จะมี Studio เป็นของตัวเองแล้วครับ ส่วนเงินในกระเป๋าก็เตรียมไว้ 20,000 Up ครับผม

ต่อมาเป็นอุปกรณ์สำหรับถ่ายแบบนอกสถานที่กันบ้างครับ ซึ่งมีไม่กี่ตัวคือ
1. Flash หัวกล้องครับ จำเป็นมากครับ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ ใช้ Flash ติดกล้องก็ได้ครับ ก็พอช่วยได้บ้าง แต่ต้องกะระยะและองศาดีดีครับ
2. Reflect ครับผม จำเป็นมากครับสำหรับการถ่ายนอกสถานที่ ซึ่งมีแสงที่ไม่คงที่และไม่แน่นอน รวมถึงใน Studio ก็ยังจำเป็นอยู่ในบางครั้งที่ต้องการถ่ายรูปภาพแนว นู๊ด สยองขวัญ หรือแบบว่า ฟิวโหดๆครับ ซึ่งก็ต้องอยู่ที่ความชอบเช่นกันครับ

          ส่วนเรื่องการจัดไฟ มาตรฐานการถ่าย Product ที่ไม่มีการสะท้อนของแสงและเงา ก็ทำมุมเหมือนถ่ายนางแบบครับ ที่ 45 องศา และการจัดค่าแสง ก็วัดแสงกับเครื่องวัดแสงครับ ซึ่งมีราคาที่ 6000 กว่าบาทขึ้นไป ซึ่งแบบที่สมควรวัดที่สุดคือ ISO 100 ความเร็ว Shutter อยู่ที่ 1/125 และทำการตั้ง F ไว้ที่ F8 ครับ ซึ่งเราก็ต้องไปปรับที่กล้องให้ตรงตามนี้เ่ช่นกัน ก็นั่งปรับนั่งวัดให้มันได้ค่าแสงที่ F 5.6 กับอีก 9 ขีด , F 8 และ F 8 กับอีก 1 ขีดเท่านั้น ถึงจะเป็นค่าแสงที่ดีที่สุดตามมาตรฐานสากลครับ ส่วนเรื่องความขาวที่อยากให้นางแบบขาวๆก็มานั่งปรับ F กันทีหลังครับผม

          ส่วนการถ่าย Product ที่เป็นเงา หรือมีการสะท้อนแสงนั้น อันดับแรก ต้องสั่งเกตว่า Product ที่จะถ่ายนั้นเป็นสีอะไร ถ้าเป็นปกติทั่วไป คือไม่ใช่สีเงิน หรือสีทอง แต่เป็น Product ที่เป็นเงาสะท้อน ให้ทำการตั้งไฟ Studio ไว้ในระนาบเดียวกันกับตัวสินค้าครับผม คือ แนวเดียวกันไปเลย ไม่ต้องทำมุมครับ ถ้าหาก Product นั้น มีเงาสะท้อนซึ่งมาจากสีเงิน หรือสีทอง ให้ทำการยก ไฟ Studio ขึ้นเพื่อทำการส่องไฟมาจากมุมสูงครับ

          ถ้าหากเป็นการถ่ายพวกเครื่องประดับ ที่มีความแวววาว วุบวับ ก็ให้ถ่ายใน Tent ถ่ายรูปครับ ซึ่งจะทำให้มีความคมชัดและสวยงามมากขึ้นครับผม

          สำหรับคนที่ชอบถ่ายแบบนอก Studio แล้ว ค่าทั่วไปก็ให้ตั้งตามใจชอบเลยครับผม โดยกำหนดและวาง Concept ให้ลงตัว เพียงเท่านี้ก็ ok แล้วครับ ส่วนเรื่องการใช้ Flash นั้น จะต้องคำนวนให้ดีครับทั้งเรื่องระยะทางและการสะท้อนของแสง Flash ครับผม ตอนนี้ Flash มีระบบ TTL ซึ่งคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับการถ่ายรูปไปทันทีครับ ในบางครั้งจำเป็นต้องใช้ Reflect ครับเพื่อลดแสงเขียวๆจากหญ้าบนพื้นที่สะท้อนเข้าใบหน้าของนางแบบ จะทำให้หน้าดูอมเขียวไปทันทีครับ แล้วถ้าหากไม่มี Reflect ล่ะ ถ้าไม่มีไม่ต้องน้อยใจครับ ไปร้านขายเครื่องเขียนแล้วบอกไปว่า ซื้อโฟมละเอียด 5 มิล 1 แผ่นครับ แค่นั้นก็นำมาใช้แทน Reflect ได้แล้วครับ ซึ่งราคาก็แค่ 45 บาทเองครับ แต่แค่ระวังลมแรงๆแล้วมันก็จะแป๊ก ครับผม

ลองมาชมรูปภาพใน Studio กันดีกว่าครับ







______________________________________________________________________________

ภาพถ่ายนอก Studio ครับผม









_____________________________________________________________________________

คราวหน้าเรามาชมการถ่ายภาพแนวสถาปัตยกรรมกันนะครับผม



วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

มาทำความเข้าใจเรื่อง สีดำ และ สีขาว กันครับผม

          ในความคิดของหลายๆท่านคงต้องคิดว่า การถ่ายรูปนั้น สีดำ ย่อมถ่ายได้ง่ายกว่าสีขาว ถูกครับ เพราะนั่นมันคือ ทฤษฎี แต่ทว่า มันกลับกันในทางปฏิบัติครับ เนื่องจากว่า การถ่ายสีดำที่ดีที่สุดคือ ดำด้านเท่านั้น 

หลายคนคงสงสัยว่า

Q: อ้าวเฮ้ย!!! ทำมัยล่ะ ปกติดำเงาก็ถ่ายได้ดีนี่นาแถมดีด้วยแหละ สวยดี

= ถูกครับ มันถ่ายได้ดีมากครับ แต่ว่าในการถ่ายดำเงาทุกครั้ง คุณเคยสังเกตุว่า มันมีเงาสะท้านในตัววัตุมั้ยครับ?

Q: อ้าว.. แล้วมันจะมีเงาสะท้อนได้ยังไง?

= ok ครับผม ผมมีรูปอะไรจะให้ดูครับผม...


ถ้าหากคุณลองขยายรูปนี้ดู คุณจะเห็นเลยว่า มีผม และ คนที่อยู่ข้างๆผม อยู่ในภาพด้วยครับ ลองสังเกตดูดีดีนะครับ เสื้อส้มกับเสื้อดำในเงาไงครับผม

Q: เอ๋.. แล้วทำไม มันถึงสะท้อนล่ะ?

= เพราะว่าสีดำ สามารถสะท้อนเงาของวัตถุต่างๆได้ดีทีเดียวเลยน่ะสิ

Q: แล้วมีสีไหนอีกที่สามารถสะท้อนเงาของเราออกมาล่ะครับ?

= มีครับผม เด็ดๆเลยคือสีเงินครับ รับประกันว่าชัดเลยล่ะครับ ชัดกว่าสีดำแน่นอน และต่อมาคือสีทอง และสีที่มีความเข้มสูง และเครือบเงา ครับ

Q: อ้าวแล้วสีขาวมันไม่สะท้อนเงาออกมาหรือ?

= ใช่แล้วครับ สีขาวถึงแม้ว่าจะเคลือบเงามา แต่ก็ไม่มีการสะท้อนแน่นอนครับ อย่างเช่นรูปนี้ครับ

Q: โอ้โหเป็นไปได้อย่างไร

= ครับผม เนื่องจากว่าสีขาวเนี่ย พอเวลาโดนแสงแล้ว มันก็จะ Reflect ออกมาหมดเลยน่ะสิ โดยที่จะไม่เก็บเงาสะท้อนไวในตัวเองเหมือนสีดำไงล่ะ

Q: อ้าวแล้วคุณรู้ได้อย่างไร

= อ๋อ หลายคนก็คงสงสัยแบบนี้ครับ แต่คุณเคยสังเกตมั้ยครับว่าเวลาคุณขับรถไปบนถนน พอคุณขับผ่านรถสีดำ คุณจะเห็นเงาคุณอยู่ที่รถนั้นด้วยครับ แต่เมื่อคุณขับผ่านรถสีขาว คุณกลับมองไม่เห็นอะไรเลย และอีกอย่างนึง คุณเคยลองสังเกตที่ตึกมั้ยครับ ตึกสีดำเวลาโดนแสงแดด มันจะดูแสงนั้นไว้ที่ตัวมันครับ แต่ตึกสีขาว เวลาโดนแสงแดด โอ้โห สะท้อนเข้าเบ้าตาเต็มๆจนต้องหรี่ตา เพราะมันสะท้อนแสงออกมาทั้งหมดไงล่ะครับผม

เอาแบบนี้ง่ายๆเลยครับ คุณลองทำหน้าจอคุณให้มันเป็นสีดำ หรือปิดไว้สิครับ แล้วหันหน้าจอไปหาแสง คุณจะเห็นเงาทั้งหมดของคุณเลยครับผม แล้วคราวนี้คุณลองทำให้หน้าจอเป็นสีขาวแล้วหันไปหาแสงบ้าง คุณจะแทบไม่เห็นอะไรเลยครับ ถึงเห็นก็ไม่ชัดเท่าสีดำครับผม

Q: อ๋ออย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วครับ...

= ok ครับขอบคุณที่ยังเข้าใจง่ายๆนะครับ 55+  ถูกครับในทฤษฎีมันอาจเป็นสีดำ แต่นี่คือความแตกต่างของสีขาว และสีดำ ในการถ่ายรูปในการปฏิบัติครับผม สรุปคือ สีขาวนั้นถ่ายง่ายกว่าสีดำมากครับในทางปฏิบัติครับผม

Q: เยี่ยมไปเลยขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆครับ

= ยินดีคร๊าบบผม

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

หลังจากที่ไม่ว่างเลยวันนี้มาลงต่อแล้วครับ

เราขอข้ามเรื่องน้ำตกและวัดกันไปก่อนเนาะ มาเรื่องการถ่ายรูปที่แสดงถึงความรู้สึกกันบ้างครับ










__________________________________________________________________________________

18+










__________________________________________________________________________________








วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เปลี่ยนรูปแบบ

          หลังจากที่ใช้ Macro มานานแล้วก็เริ่มหลงไหลในสิ่งที่ทำมาขึ้นๆ วันนี้เรามาลองเปลี่ยนมุมมองมาถ่ายรูปท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และวัฒนธรรมกันบ้างดีกว่าครับ หลายๆท่านอาจเคยไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ โดยการเก็บภาพตัวเองไว้ แต่ผมมันคนไม่ชอบถ่ายรูปตัวเองครับ วันนี้เลยนำรูปจากสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ และวัดต่างๆเท่าที่ผมได้ไปมาลงให้ชมกันวันนี้นะครับ

เริ่มที่แรกเลยครับ วัดเจดีย์หลวง

          ตามความเชื่อเป็นวัดที่เก่าแก่ แล้วส่วนยอดเจดีย์ที่หายไปนั้น เจอฟ้าผ่าอย่างแรงมากครับ จึงทำให้ยอดเจดีย์หักไป


นี่คือเจดีย์ที่ยอดเจดีย์โดนฟ้าผ่าไปครับ


มาดูอีกมุมหนึ่งครับ


องค์พระประทาน หลังวิหารครับผม สวยงดงามมากครับ


ประดูหลังวิหารครับ ซื้อตอนนี้น่าจะปิดตายกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ส่วนนี่ก็คือยอดวิหารครับผม


มาดูภายในกันบ้าง สวยสดงดงามครับ


และสุดท้ายเสาจากภายในวิหารก็ยังสวย งดงามและมีลวดลายที่อ่อนช้อยเช่นกันครับ

___________________________________________________________________________

ต่อมาเราจะไปที่วัดชัยมงคลกันบ้างครับ วัดนี้เป็นวัดที่เรียบง่าย สบายๆมีศิลปะให้ชมอยู่พอสมควรครับ มาตามชมกันเลย


พอเข้าจากประตูวัดมาอันดับแรกก็ต้องเจอนี่แหละครับ เจดย์ที่สวยที่สุดในวัดครับ หุหุ


ลวดลายหลังวิหารครับผมสวยงามมากครับเป็นเรื่องเป็นราวกันเลยทีเดียว


ขนาดสิงห์ยังเหลียวมอง


สังเกตุดีดี สิงห์คาบอะไรอยู่ครับ


นี่ก็เป็นสถาปัตยกรรมที่ติดอยู่ทางเดินเข้าวิหารครับ


เค้าเรียกว่าป้ายอะไรจำชื่อไม่ได้ครับ แต่ในหลวงเป็นคนมอบให้ (ถ้าหนีตำรวจเข้าไปในวัดนี้แล้วมีป้ายนี้ในบริเวณวัดตำรวจจะจับไม่ได้ครับถ้าเจ้าอาวสาสไม่อณุญาติ)


ถ่ายดอกไม้ในวัดมาวักดอกให้ชมกันครับ

______________________________________________________________________________

ติดตามชมนำตกขึ้นชื่อของเมืองเชียงใหม่ และวัดที่สวยงามได้อีกในวัดพรุ่งนี้ ที่นี่ ที่เดียวครับ
ขอบคุณที่สละเวลามารับชมภาพพร้อมการบรรยายสะเปะสะปะครับผม...